จากกรณีเกิดเหตุแก๊งคนร้าย อ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจ ปปส. จับกุมผู้หญิงไปกักขังไว้ภายในกรงสุนัขแลัวขู่บังคับเอาเงิน 50,000 บาท แต่สุดท้ายแล้วสามารถต่อลองจบ ที่ 16,000 บาท ก่อนจะถูกปล่อยตัวมา จึงตัดสินใจ เดินทางเข้าแจ้งความร้องทุกข์กับพนักงานสอบสวน จนกระทั่งสามารถจับกุมตัวผู้ก่อเหตุไว้ได้แล้วบางส่วน ตามที่ได้นำเสนอข่าวไปแล้วนั้น
ล่าสุดเมื่อเวลา 12.00 น.วันที่ 2 กันยายน 2564 พ.ต.อ.สัมฤทธิ์ เกตุแย้ม รอง ผบก.ภ.จว.ชลบุรี พ.ต.อ.ธนาวุฒิ จงจิระ รอง ผบก.ภ.จว.ชลบุรี รรท.ผกก.สภ.เมืองพัทยา นำกำลังเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดสืบสวน สภ.เมืองพัทยา เจ้าหน้าที่ตำรวจสืบสวนจังหวัดชลบุรี พร้อมด้วยเจ้าหน้าที่ตำรวจพิสูจน์หลักฐาน ลงพื้นที่แหล่งกบดานของกลุ่มผู้ก่อเหตุ หรือที่คนร้ายอ้างกับผู้เสียหายว่าเป็นเซฟเฮ้า ไม่มีเลขที่ ภายในซอยทุ่งกลม ตาลหมัน 25 ซอย 4 ม.14 ต.หนองปรือ อ.บางละมุง จ.ชลบุรี เพื่อตรวจสอบเก็บหลักฐานเพิ่มเติมประกอบสำนวนคดี
บริเวณที่คนร้ายอ้างว่าใช้เป็นเซฟเฮ้านั้น เป็นพื้นที่ให้เช่ารายปี บนเนื้อที่ประมาณ 200 ตารางวา เปิดเป็นซุ้มไก่ นครไก่ชน สันติ ออย ภายในแบ่งเป็นห้องพัก ตรวจสอบเจอกรงสุนัขประกอบจากเหล็กขนาดกว้างประมาณ 3 เมตร ยาวประมาณ 3 เมตร จำนวนหลายกรง มีสุนัขพิทบูล 3 ตัว เจ้าหน้าที่พิสูจน์หลักฐานตรวจสอบเก็บหลักฐาน โดยไม่อนุญาตให้สื่อมวลชนเข้าบันทึกภาพแต่อย่างใด
ต่อมาได้คุมตัว นายสันติ หรือฉาย ออยจุฬา หนึ่งในผู้ร่วมก่อเหตุ ไปยังรถยนต์กระบะ ยี่ห้อนิสสันนาวาร่า สีบอรนซ์ หมายเลขทะเบียน ผผ 5908 ชลบุรี ซึ่งเป็นรถที่ใช้ก่อเหตุโดยมีผู้เสียหาย 2 ราย ยืนยัน โดยนำมาจอดทิ้งไว้บริเวณลานจอดรถของวัดทุ่งกลม ตาลหมัน อยู่ห่างจากบ้านเกิดเหตุประมาณ 1 กิโลเมตร โดยเจ้าหน้าที่กองพิสูจน์หลักฐานตรวจสอบลายนิ้วมือแฝง เพื่อประกอบสำนวนคดี ต่อไปแล้ว
พ.ต.อ.ธนาวุฒิ จงจิระ รองผบก.ภ.จว.ชลบุรี รรท.ผกก.สภ.เมืองพัทยา กล่าวถึงพฤติกรรมของแก๊งอดีตทหารเรืออุ้มรีดทรัพย์สาวว่า สำหรับพฤติกรรมของกลุ่มคนร้ายแก๊งนี้ ได้แสดงตัวเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจขณะออกมาซื้อของ โดยมีผู้ร่วมขบวนการซึ่งมียาเสพติดตกอยู่หน้าผู้เสียหาย จึงได้ควบคุมตัวผู้เสียหายไปทางหนองปรือ ซึ่งไปควบคุมตัวที่เซฟเฮ้าส์ จากนั้นได้มีการเรียกทรัพย์ โดยมีการโอนเงิน ซึ่งหลังจากทางเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับแจ้งจากผู้เสียหาย จึงได้ทำการสืบสวนและเก็บหลักฐานในที่เกิดเหตุ โดยทราบเบาะแสได้หลักฐานยืนยัน ท้ังผู้เสียหายและคนร้าย โดยในขณะนี้ตำรวจออกหมายจับแล้ว 5 คน สามารถจับกุมได้แล้ว 3 คน คือ นายปกรณ์เกรียติ แสงแพรวพราว อายุ 28 ปี นายสันติ จันทร์ทอง อายุ 37 ปี นายสุขใจ ห่อทองคำ อายุ 34 ปี หรือ โอ อดีต ทหารเรือ ข้อหาหน่วงเหนี่ยวหรือกักขังผู้อื่นฯ โดยทั้ง 3 คนให้การรับสารภาพ ส่วนอีก 2 คน นายณัฐพล ศรีสุวรรณ อายุ 42 ปี หรือ กอล์ฟ เกาะล้าน และ นาย สมพงษ์ หรือ แร่ กอไผ่ เจ้าหน้าที่ตำรวจได้ออกติดตามตัวอยู่ ซึ่งคาดว่าจะได้ตัวเร็วๆนี้
ด้าน นางสาว วนิดาพรรณ ควินรัมย์ อายุ 42 ปี มารดาของผู้เสียหายเปิดเผยว่า ได้ไปแจ้งความหลังลูกสาวหายไปแบบติดต่อไม่ได้ ซึ่งลูกสาวเล่าให้ฟังถึงวันเกิดเหตุว่า มีผู้หญิงคนหนึ่งวิ่งมาแล้วได้ทำยาหล่นไว้ ก่อนจะมีผู้ชาย 2 คน ขับรถตามมาแล้วหยิบยาเสพติดขึ้นมาถามว่าเป็นของใคร ซึ่งน้องก็ตอบว่าไม่รู้ เพราะในช่วงนั้นน้องกำลังจะออกไปซื้อเบียร์ ซึ่งคนที่อ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่ จึงบอกให้น้องไปที่ศูนย์ หลังจากนั้นตนก็ติดต่อลูกไม่ได้เลย จนเวลาตี 3 น้องได้โทรศัพท์ไปหาเพื่อนเพื่อขอยืมเงิน 50,000 บาท โดยจะนำเอามาให้ชายที่อ้างตัวเป็นเจ้าหน้าที่ เพื่อนก็ตอบว่าไม่มีเงิน และพยายามถามว่าอยู่ที่ไหน
แต่ผู้ชายผู้อ้างว่าเป็นเจ้าหน้าที่ได้แย่งโทรศัพท์ไป หลังจากที่ไปแจ้งความก็ได้มีโทรศัพท์ติดต่อกลับมา โดยชายที่อ้างเป็นเจ้าหน้าที่จะขอรับเงินคนละ 8,000 บาท 2 คน รวมเป็นเงิน 16,000 บาท และจะทำการปล่อยตัวน้องไป จากนั้นผู้ชายที่อ้างเป็นเจ้าหน้าที่ก็ได้โทรศัพท์คุยกับตนได้ไม่นานก็ได้วางสายไป ด้วยความเป็นห่วงลูกที่ขาดการติดต่อไปหลายชั่วโมง ไม่รู้ว่าจะเป็นอย่างไร พอชายอ้างเป็นเจ้าหน้าที่ตำรวจติดต่อรับเงิน ตนก็ยอมจ่ายเพราะเป็นห่วงลูก ซึ่งเหตุการณ์ดังกล่าวไม่เคยเกิดขึ้นกับตน ตนก็พูดอะไรไม่ถูก หลังจากเกิดเหตุก็ได้รู้ว่านี่คือแดนเถื่อน ขณะที่นำลูกสาวตนมาขังในกรงสุนัขก็มี คนที่ถูกจับมาก่อนหน้านี้ นอนอยู่อีก 3 คน ซึ่งลูกของตนก็ไม่รู้จักถามอะไรก็ไม่พูด
ความรู้สึกของตนในตอนนี้ รู้สึกว่าสังคมทำไมเป็นแบบนี้ มีขบวนการแบบนี้อยู่ ซึ่งในขบวนการมี 10 กว่า คน อยากให้เจ้าหน้าที่ทำลายและกวาดล้างให้หมด ซึ่งตอนนี้น้องรู้สึกหวาดกลัวมาก แต่ต้องตั้งสติ หลังจากที่จ่ายเงินให้กับชายที่อ้างเป็นเจ้าหน้าที่ ชายคนดังกล่าวก็ได้นำตัวน้องไปส่งที่บ้านภายในซอยวัดบุญสัมพันธ์ ก็ได้กดหัวน้องแล้วใช้เสื้อสีคำคลุมเพื่อไม่ให้เห็นทาง แต่พอถึงภายในซอยวัดบุญสัมพันธ์ ชายดังกล่าวได้เปิดเสื้อที่คลุมหัวน้องออกก่อนที่จะถามน้องว่าบ้านอยู่ซอยไหน ก่อนที่จะส่งตัวน้องลงจากรถกลับบ้านดังกล่าว
